หลายๆท่านคงเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับ เมลามีนในนมผง
, การนำ
DNA ม้ามาใส่ในเนื้อวัว
แล้วเกิดคำถามว่าพฤติกรรมแบบนี้เรียกว่าอะไร พฤติกรรมดังกล่าวคือ การปลอมอาหาร หรือ Food
Fraud หมายถึง
การปลอมแปลงและจงใจเจตนา ทดแทน เจือจางหรือการเติมสิ่งแปลกปลอมลงในสินค้าหรือวัตถุดิบ หรือ การปกปิดให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงของสินค้าหรือวัตถุดิบต่างๆ
เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า โดยการเพิ่มมูลค่า
คุณลักษณะของสินค้าหรือการลดค่าใช้จ่ายของการผลิตสินค้า และอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคตามมาได้
ตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 27 ได้ระบุโทษสำหรับผู้ผลิตอาหารปลอมไว้ว่า
ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 – 100,000 บาท
การปลอมอาหาร สามารทำได้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย โดยสามารถแบ่งออกเป็นรูปแบบต่างๆ ได้ดังนี้
รูปแบบการปลอมอาหารที่หลากหลายนี้เองอาจก่อเกิดผลกระทบขึ้นได้หลายระดับตั้งแต่ มีทั้งผลกระทบที่ผู้บริโภคตกอยู่ในความเสี่ยงทันที (Direct Food Safety risks) เช่น เกิดการแพ้อาหารส่วนที่เติมเข้ามา เป็นต้น ผลกระทบที่ผู้บริโภคมีความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายในระยะยาว (Indirect Food Safety risks) เช่น เกิดการสะสมจนเกิดอาการป่วยตามมา เป็นต้น หรือไม่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของอาหารทั้งทางตรงและทางอ้อม (Technical food fraud risk)
ดังนั้นเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปลอมอาหาร ในฐานะผู้บริโภคจำเป็นต้องเลือกอาหารที่บริโภคอย่างระมัดระวังโดยการ อ่านฉลาก ดูส่วนผสม วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ ตลอดจนเลขสารบบอาหารทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสุขภาพที่ดี ในส่วนของผู้ประกอบในฐานะผู้ผลิตนั้นสามารถป้องกันการปลอมอาหารได้โดย การประเมินความเสี่ยงในการปลอมอาหาร วางมาตรการป้องกันและจัดการความเสี่ยง การทวนสอบมาตรการอย่างสม่ำเสมอ และฝึกอบรมผู้ปฏิบัติการในโรงงานหรือผู้มีความเกี่ยวข้องให้มีความรู้ความตระหนักอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและชื่อเสียงระยะยาวของบริษัทเอง
สำหรับท่านที่สนใจจัดทำแผนประเมินความเสี่ยง วางมาตรการป้องกันการปลอมอาหาร สามารถมาเรียนรู้และทำความเข้าใจร่วมกันได้ใน "หลักสูตรออนไลน์ Food Fraud การประเมินความเสี่ยงและแผนป้องกัน" ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 เม.ย. 66 สนใจไปดูรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/3m9QcHv