วิตามินซีเป็นสารที่ร่างกายคนเราขาดไม่ได้จำเป็นต้องได้รับทุกวันในปริมาณที่เหมาะสม หากแต่ร่างกายมนุษย์นั้นไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีเองได้ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ส่วนใหญ่ การกินอาหารพวกผักผลไม้ อาทิ ผลไม้ตระกูลส้ม แตงโม มะเขือเทศ มะละกอ ฯลฯ[2] จึงเป็นคำตอบของการได้รับวิตามินซีของร่างกาย
ในอดีตจนถึงปัจจุบันได้มีการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับวิตามินซีในด้านต่างๆมากมาย ทำให้มีบทความหลายฉบับที่กล่าวถึงคุณประโยชน์ของวิตามินซีต่อร่างกายมนุษย์ทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี (Potent antioxidant) ช่วยในการสร้างเส้นใยคอลลาเจนที่แข็งแรงในผิวหนังและส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์ [4] รวมถึงรายงานการวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องการรักษาและป้องกันโรคไข้หวัด ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินมาว่าการกินวิตามินซีจะช่วย ปกป้องและรักษาอาการป่วยจากหวัดได้ แต่รายงานวิจัยหลายฉบับให้ผลว่า วิตามินซีไม่มีผลต่อการป้องกันและรักษาโรคหวัด [6,7,11,12] นอกจากนี้ยังมีการศึกษาถึงคุณประโยชน์ของวิตามินซีต่อโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) โดยรายงานการวิจัยบางฉบับกล่าวว่าสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้[5,8] แต่บางฉบับก็รายงานว่าไม่มีผลต่อการรักษาหรือปกป้องการเกิดโรคดังกล่าว[9,10] ดังนั้นจึงอย่าพึ่งเชื่อหากได้ยินโฆษณาชวนเชื่อถึงการกินวิตามินซีแล้วจะช่วยป้องกันและรักษาโรคเหล่านี้เพราะยังไม่ข้อสรุปทางการศึกษาและวิจัยอย่างชัดเจน
ถึงรายงานการวิจัยบางฉบับจะชี้ให้เห็นว่าวิตามินซีนั้นป้องกันและรักษาบางโรคตามที่เคยได้ยินมาไม่ได้ แต่ ร่างกายของแต่ละบุคคลก็ยังจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน (Recommended Dietary Allowance, RDA) เช่น เพศหญิง เพศชาย และคนสูบบุหรี่ที่มีอายุ 19 ปีขึ้นไป ต้องการวิตามินซี 75 90 และมากกว่าคนทั่วไป 35 มก./วัน ตามลำดับ[13,14,1] หากได้รับในปริมาณน้อยกว่าเกณฑ์จะทำให้ระบบการทำงานของร่างกายที่มีวิตามินซีมาเกี่ยวข้องขาดความสมดุล ที่เห็นได้ชัดคือ เส้นใยคอลลาเจนที่สร้างขึ้นจะไม่แข็งแรง ทำให้เนื้อเยื่อผิวอ่อนแอขาดความยืดหยุ่นและบาดเจ็บง่ายจากการทำงานโดยเฉพาะตามเหงือกจะพบเลือดออกตามไรฟันที่เรียกว่า โรคลักปิดลักเปิด[3] ถ้าได้รับวิตามินซีมากกว่าเกณฑ์อาจจะทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้หรืออาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากได้รับในปริมาณที่มากเกิน 2,000 มก./วัน สำหรับคนที่มีอายุ 19 ปีขึ้นไป[2] ถึงแม้ร่างกายจะสามารถขับวิตามินซีส่วนเกินออกทางปัสสาวะได้ก็ตาม
ไม่ใช่เพียงวิตามินซีเท่านั้นที่ต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆก็ไม่ต่างกันควรบริโภคแต่พอดี ไม่เช่นนั้นประโยชน์ที่ได้รับอาจกลับกลายเป็นโทษต่อร่างกายแทน
เอกสารอ้างอิง